Star Martial God Technique Chapter 143 Trap
นิยาย วิทยายุทธ์เทพการต่อสู้แห่งดวงดารา ตอนที่ 143 กับดัก
บทที่ 143 กับดัก
ในตอนนี้,เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวนี้.
กลิ่นอายนี้,ส่งแรงกดดันอันหนักหน่วงไปยังคนทุกคน.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์บางคนถึงกับตื่นตระหนกจ้องมองออกไปรอบๆ,ขนลุกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที,พวกเขาเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ากลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นนี้ถูกส่งออกมาจากแห่งหนใด,พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะขยับหรือไปต่อ,เพราะกลิ่นอายที่ถูกส่งออกมานั้นกดดันจนทำให้พวกเขาแทบจะไม่สามารถต้านเอาไว้ได้.
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังคงเหลืออยู่ในห้องโถงหลักนี้มีอยู่ประมาณราวๆ
200-300 คน.
พวกเขา ณ
ที่แห่งนี้,อย่างน้อยที่สุดก็มีระดับ 7 ดินแดนสวรรค์กันทั้งนั้น.
คนจำนวนมากที่มองเห็นสมบัติระดับม่วงอยู่ต่อหน้าตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่ยินดีนักที่จะจากไป,พวกเขาเหล่านั้นต่างก็คิดคำนึงหาทางอยู่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยที่อยู่รอบๆเลยแม้แต่นิดเดียว.
ในห้องโถงหลักนั้น,มีลมหนาวอันเย็นยะเยือกพัดผ่านเข้ามาเป็นครั้งคราว,ยิ่งทำให้เหล่าผู้คนต่างก็รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก.
"เย่ซิงเหอ,เจ้าพบสิ่งใดหรือไม่?"เซี่ยหยุนหนิงสอบถาม.
เย่ซิงเหอเริ่มใช้ทักษะพร้อมกับตระโกนออกมาเบาๆ,
เนตรทะลายสวรรค์!
พลังอำนาจแห่งดวงดาราได้ไหลมารวมตัวกันที่ดวงตา,ภายในดวงตาของเขานั้นส่องสว่างเห็นเป็นเส้นใยสีทอง,เขาได้ทำการกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว,นอกเหนือจากเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบๆแล้ว,เขากลับไม่สามารถพบกับสิ่งใดได้เลย,เขาจึงได้จ้องมองขึ้นไปยังจุดสูงสุดของห้องโถงด้านบน,เห็นแค่เพียงศิลาสีเทาเข้ม,มันได้กระจายตัวลากผ่านออกไปเหมือนเถาวัลย์ทว่ามันกลับมีเรืองแสงบางอย่างลึกลับกระพริบเบาๆอยู่ตลอดเวลา,ปกคลุมไปทั่วจุดบนสุดของห้องโถงแห่งนี้เลย.
เครื่องหมายแสงที่แปลกประหลาดนี้,แผ่กระจายรูปแบบที่ลึกลับนี้ของมันนี้ออกมา,ขยายพลังที่แปลกลึกล้ำออกไปทั่วทั้งห้อง.
เย่ซิงเหอเต็มไปด้วยความอยากรู้,หากแต่เขานั้นไม่รู้ว่ารูปแบบที่ลึกล้ำที่ปรากฏออกมานี้มีความหมายใดกัน.
ภายในห้องโถงหลักนี้,เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดเต็มไปทั่วทุกหนทุกแห่ง.
เย่ซิงเหอได้จ้องมองไปด้านหน้าอีกครั้งเขาได้เห็นบริเวณพื้นที่ไกลออกไปนั้น,มีเครื่องหมายเป็นประกายแสงแบบเดียวกันอยู่ด้วย,ทว่ามันกับแตกแขนงออกมาแทบจะกลายเป็นรอยแยกของใยแมงมุมเกิดขึ้นขึ้นทุกหนทุกแห่งไปจนถึงบริเวณที่ตั้งของสมบัติระดับม่วงทั้งห้า.
ชั่วขณะนั้น,ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับ
7 ดินแดนสวรรค์คนหนึ่งได้ไปสัมผัสเข้ากับเครื่องหมายแสงดังกล่าว,ทันใดนั้นเขาก็ได้ร้องโหยหวนออกมาดังลั่น,ทั่วทั้งร่างกายของผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับ
7 ดินแดนสวรรค์คนนั้นเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง,พร้อมทั้งกลืนกินร่างกายของเขาจนหายไป.
เปลวเพลิงที่ว่านั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามีพลังอำนาจมากเท่าใด,หากแต่มันสามารถแผดเผาผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้แห่งเปลวเพลิงระดับ
7 ดินแดนสวรรค์,มอดไหม้ไม่สามารถที่จะต้านทานได้เลย.
เขาจึงระบุได้ทันทีว่าสัญลักษณ์แสงดังกล่าวนั่น,คือกับดัก!
เย่ซิงเหอได้คิดใคร่ครวญอีกครั้ง,ดูเหมือนว่าหากเขาต้องผ่านเส้นทางดังกล่าว,เขาจะต้องหลบเลี่ยงสัญลักษณ์แสงที่อยู่บนพื้นให้ได้ทั้งหมด,หากสามารถเคลื่อนไหวโดยไม่สัมผัสสัญลักษณ์แสงเหล่านั้นได้,เขาจะต้องไม่ได้รับอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ส่วนกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวนั่นมาจากใหน,เย่ซิงเหอก็ยังไม่สามารถที่จะระบุตำแหน่งได้ด้วยทักษะเนตรทลายสวรรค์,ซ้ำยังไม่สามารถที่จะพบร่องรอยของมันเลยแม้แต่น้อย.
เย่ซิงเหอเองจ้องมองไปยังจ้าวเขี้ยวขาว,ก็เห็นแค่เพียงจ้าวเขี้ยวขาวมองกลับมาทางเขาด้วยท่าทางสับสนเหมือนกัน,เป็นไปได้ว่าแม้แต่จ้าวเขี้ยวขาวเองก็ยังไม่สามารถระบุที่มาของกลิ่นอายดังกล่าวได้.
หลังจากมองเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับ
7
ดินแดนสวรรค์ถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา,ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆต่างก็จ้องมองหน้ากันและกัน,ไม่มีใครที่จะก้าวออกไปด้านหน้า,เพราะทุกหนทุกแห่งในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกับดักนั่นเอง,หากว่าพวกเขาเคลื่อนไหวไปโดนกับดักล่ะก็,เพียงแค่ระดับ
7 ดินแดนสวรรค์คงไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน.
ไม่มีใครในตอนนี้ที่จะขัดแย้งหรือทำลายคนอื่นเลย.
สมบัติระดับม่วงทั้งห้านั้นอยู่ใกล้แค่ปลายมือ,พวกเขากับไม่สามารถได้มันมาครอบครอง,ทำให้ภายในใจของพวกเขานั้นหดหู่เป็นอย่างมาก.
"ชิ,เพียงแค่นี้,ต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ข้าไปด้านหน้าได้อย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหลิงหยูนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิ,มือขวาของเขาได้ขยับไปมา,พร้อมกับตระหวัดไปด้านหน้าเกิดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นที่กระบี่,คำรามพุ่งกระจายพลังออกไปด้านหน้าหลายสิบเมตรในทันที,มันแหวกกลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นออกไป,ด้วยสายเลือดของเทพกระบี่,ทั้งยังมีพลังอำนาจแห่งเปลวเพลิง,ที่สามารถกลั่นพลังเปลวเพลิงให้เป็นปราณกระบี่ได้.
ตูมม!
กับดักสามแห่งถูกหลิงหยูจัดการไปในทันที.
หลิงหยูได้ก้าวออกไปอีกหลายก้าว,พร้อมกับควบแน่นพลังเพลิงแห่งปราณกระบี่.
"พี่หลิงท่านช่างยอดเยี่ยมนัก."โจวเหยี่ยนกระโดดโลดเต้นกล่าวออกมาด้วยคำพูดที่ชื่นชม.
กู่หยุนเหยี่ยนและกู่หยุนหลานที่อยู่ใกล้ๆก็เผยความรู้สึกที่ชื่นชมจนแทบที่จะเรียกว่าเทอดทูนไปแล้ว.
ฮูเหยี่ยนโจวเผยยิ้มออกมา,"ไม่มีใครที่เหมาะสมเป็นผู้สืบทอดของเทพกระบี่อีกแล้ว,มีเพียงหลิงหยูคนเดียวเท่านั้นที่ควรคู่กับฉายาเทพกระบี่คนต่อไป!"
เย่ซิงเหอแอบที่จะคิดอยู่ในใจ,เกี่ยวกับวิธีการของหลิงหยูนี้,อาจจะสร้างความเสียหายทำให้ห้องโถงหลักพังทลายลงมาก็เป็นได้,ทั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด,ถึงจะสามารถทำลายกับดักได้ทั้งหมด,ความเป็นจริงแล้ว,หากเป็นตัวเขา,ตราบเท่าที่สามารถหลบเลี่ยงเครื่องหมายแสงเหล่านั้นก็ทำได้แล้ว,ทว่าเย่ซิงเหอเองก็ไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น,เพราะถึงอย่างไรการที่จะได้รับสมบัติระดับม่วงมา,ไม่ได้จำเป็นกับเขามากมายขนาดนั้น!
สายตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองข้างต่างลุกโชนไปด้วยความละโมบ,พวกเขาต้องการสมบัติเป็นอย่างมาก,แต่การที่จะรอดปลอดภัยกลับมาหลังจากได้สมบัติแล้วนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก,แทนที่จะแสดงความสามารถออกมาพวกเขากลับต่างโต้เถียงกันแทน!ถึงเป้าหมายหากได้สมบัติระดับม่วงนั้นมา,ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายอันสูงส่งด้วยกันทั้งนั้น.
เย่ซิงเหอหาได้สนใจเรื่องเหล่านั้น,สิ่งที่เขาเป็นกังวลในตอนนี้คือกลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นนั่น,ซึ่งกลิ่นอายดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่าจะคอยสังเกตเหล่าผู้คนทุกคนอยู่อย่างลับๆ,ทำให้เขานั้นคิดหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน.
"ด้วยการใช้ทักษะปราณกระบี่ด้วยพลังอำนาจแห่งเปลวเพลิง,หลายๆครั้งติดต่อกัน,คงจำเป็นต้องนั่งบำเพ็ญเพื่อฟื้นฟูพลังยุทธ์ที่ต้องใช้ไปอยู่แล้ว,หากต้องการที่จะเข้าไปถึงห้องโถงหลักนั่น,ไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด,น้องซิงเหอ,พวกเรามาหารือเรื่องทักษะการต่อสู้เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ฝึกปฏิบัติให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมเถอะ."เหล่ยหงกล่าวออกมาอยู่ด้านข้าง.
"ท่านเป็นคนของตระกูลอสนีบาต,ไม่มีคนที่ติดตามท่านมายังสถานที่เช่นนี้เลยอย่างงั้นรึ?"เย่ซิงเหอสอบถาม.
"มากันหลายคนหากแต่ไม่รู้แล้วว่าพวกเขาไปอยู่ที่ใหน,ไม่รู้เลยว่าจะสามารถผ่านเข้ามายังห้องโถงหลักได้หรือไม่."เหล่ยหงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะพูด,"อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้องก็เป็นได้!"
เป็นความจริง,พวกเขาเองนั้นหากไม่มีจ้าวเขี้ยวขาวนำทางมาล่ะก็,การที่จะค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน.
"อืม."เย่ซิงเหอพยักหน้า,"เกี่ยวกับเรื่องศิลปะการต่อสู้นั้น,ข้าว่ารอให้จบเรื่องนี้จะเป็นการดีกว่า,ข้าขอให้ท่านพี่เหล่ยเดินทางไปยังตระกูลข้าสักครั้งค่อยพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว,ด้วยในห้องโถงแห่งนี้,ข้าว่ามันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอยู่,ข้าต้องการที่จะมองหาต้นตอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด!"
"ถ้าเช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน!"เหล่ยหงคิดชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า.
เย่ซิงเหอได้ตรวจสอบทุกทิศทุกทาง,ที่อยู่ในห้องโถงแห่งนี้,ไม้เว้นแม้แต่กระทั้งรูปปั้นสัตว์อสูรที่เรียงรายกันอยู่ทั้งสองข้างทางแห่งนี้ด้วย,จากการสังเกตุรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังไม่พบสิ่งใดแม้ว่าเขาจะใช้ทักษะเนตรทะลายสวรรค์แล้วก็ตาม,และแล้วที่บนสุดของหัวรูปปั้นแต่ล่ะตัวนั้น,มีสัญลักษณ์เป็นแสงเล็กๆที่เชื่อมอยู่กับจุดบนสุดของห้องโถงแห่งนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่ารูปปั้นเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับการทำงานของกับดัก?
แม้ว่าเย่ซิงเหอจะไม่ได้ต้องการที่จะทำลายกับดักเหล่านี้ไห้ได้โดยเร็วก็ตาม,ทว่าด้วยความใคร่รู้,เขาจึงได้เดินตรงไปยังรูปปั้นสลักนั้นทันที.
สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของเย่ซิงเหอ,เซียหยุนหนิง,ฮูเหยี่ยนโจวและคนอื่นๆต่างก็จ้องมองไปยังเย่ซิงเหอไม่วางตา.
เซี่ยหยุนหนิงเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย,หล่อนรู้สึกได้ว่าเย่ซิงเหอนั้นจะต้องพบเข้ากับอะไรบางสิ่งบางอย่างแน่นอน.
รูปปั้นพยัคฆ์เขี้ยวอสูรตนนี้,ด้วยการแกะสลักออกมาดูเหมือนมันคล้ายจะมีชีวิตอยู่จริงๆ,ด้วยท่าทางอันน่าเกรงขามกำลังโก่งโค้งคอจ้องมองมาที่เขา,อีกตนหนึ่งที่อยู่ข้างกัน
สิงขร,ทั่วทั้งร่างของมันนั้นเต็มไปด้วยแสงสีแดง,เหมือนว่ากำลังมีเปลวเพลิงลุกไหม้ท่วมร่างกายของมันอยู่ตลอดเวลา.
สายตาของเย่ซิงเหอนั้น,ได้กำลังค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่บนร่างของพวกมัน,สัญลักษณ์อะไรบางอย่าง,ไม่ว่าจะเป็นบนหัวของเจ้าอสูรเขี้ยวพยักฆ์,อาจจะซ่อนอะไรสามารถบอกใบ้ความลับอยู่ก็เป็นได้,เย่ซิงเหอพยายามที่จะค้นหาโดยละเอียดรูปปั้นอสูรเขี้ยวพยัคฆ์ตนนี้.
"ไม่คิดเลยว่าน้องซิงเหอจะมีความพึงพอใจกับเพียงสิ่งของเช่นนี้,หรือเป็นไปได้ว่าพบร่องรอยอะไรบางอย่างที่จะทำให้พวกเราผ่านกับดักไปได้อย่างงั้นรึ?"ฮูเหยี่ยนโจวยิ้มออกมาอย่างมีเลิศนัยย์.
เย่ซิงเหอรู้ดีคำพูดของฮูเหยี่ยนโจวนั้นเป็นเพียงคำพูดติดตลก,หากแต่ไม่ได้ทำให้คำอื่นขำขันแต่อย่างใด,ฮูเหยี่ยนโจวคนนี้,เป็นคนที่เฮฮาเปี่ยมมนุษย์สัมพันธ์ได้ตลอดเวลาจริงๆ.
เซี่ยหยุนหนิงเดินเข้ามาใกล้ๆเย่ซิงเหอ,"เจ้าพบกับสิ่งใดอย่างงั้นรึ?"
เย่ซิงเหอสายหน้าไปมาพลางกล่าวออกมาว่า,"หาได้มีสิ่งใด!"แม้ว่าเขาจะได้ใช้ทักษะเนตรทลายสวรรค์ค้นหาอย่างละเอียดแล้ว,ทว่าเย่ซิงเหอกับไม่สามารถค้นหาหรือพบร่องรอยอะไรได้เลย.
ราวกับว่าสังเกตเห็นท่าทางอะไรบางอย่างของเย่ซิงเหอ,ไม่ไกลออกไปนั้นหานเฟิงได้แค่นเสียงออกมาเบาๆ,"ทำเป็นวางมาด,เจ้าคิดว่าคนอื่นจะไม่ตระหนักได้ถึงรูปปั้นนั้นรึไง?นายน้อยหลิงยังไม่สามารถค้นพบปัญหาอะไรได้,แล้วอย่างเจ้าจะสามารถพบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลนี้ได้รึอย่างไร!"
ที่มาจากhttp://lnmtl.com/novel/star-martial-god-technique
#วิทยายุทธ์เทพแห่งการต่อสู้แห่งดวงดารา#Star Martial God Technique Light Novel#นิยายแปลไทย
ขอบคุณ ครับ ...คนแรก
ตอบลบรอตอนต่อไปครับบ ขอบคุณครับบบบ
ตอบลบขอบคุงค้าบบบ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบเริ่มโอ้อวดความโง่เขลาละ
ตอบลบขอบคุนคับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบรอตอนต่อไป กำลังสนุกเลย
ตอบลบขอบคุณมากกกก ครับ
ตอบลบเริ่มอีกละ พวกปากปีจอ
ตอบลบอยากให้ตอนต่อไปมาไวๆจัง
ตอบลบขอบคุณคับ
ตอบลบรู้แต่ไม่บอกโว้ย บอกก็โง่ดิ 555
ตอบลบถ้าปลดผนึกได้ ก้อได้เป็นเจ้าของ หรือเปล่านะ *0*
ตอบลบจะแก้กับดักได้ไหมนะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเป็นตอนที่อึดอัดยิ่งนักข้าตั้งหน้าตั้งตารอเลย ขอบพระคุนครับ
ตอบลบตอกกลับไปเลยเยซิงเหอครับมี่เขาดูถูก ขอบคุณแอดด้วยนะครับและทีมงาน
ตอบลบคิดว่าอาวุธเอาไว้ผนึกอสูรน
ตอบลบบางทีพระเอกมันก็เป็นคนดีเกินจนดูเหมือนคนโง่ทำให้อึดอัดน่าจะปลอยให้พวกนี้แยกยายกันไปก่อนแล้วค่อยไปคนเดียว
ตอบลบเชื่อเดี๋ยวพระเอกได้ของพวกนี้ต้องมาแย้งแล้วเกิดการสู้กันอีก
คิดเหมือนกัน
ลบขอบคุณครับ นึกว่าจะมีบู้กันซะอีก
ตอบลบขอบคุงครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ